ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยจริง ๆ ว่า การฟังเพลงสนุกขณะขับรถเนี่ยนะ ทำให้เกิด “อุบัติเหตุ” ได้ วันนี้ HSEM MOTOR จึงไม่รอช้า! หาคำตอบมาให้คุณผู้อ่านเรียบร้อยแล้ว งานนี้การฟังเพลงสนุกเกินไปจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ เลื่อนลงไปอ่านสาระดี ๆ จากเราได้เลย!
ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ฟังเพลงสนุกเกินไปอาจเกิดอุบัติเหตุได้?
สำหรับใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่า การฟังเพลงสนุกมากเกินไปนั้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้จริง!
จากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซาท์ไชน่า (South China University of Technology) พบว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะเร็วมากกว่า 120bpm (ครั้งต่อนาที) มีแนวโน้มที่จะขับรถแย่ลง
โดยการทดสอบดังกล่าวได้ให้ผู้เข้าร่วมใช้เครื่องจำลองการขับรถ โดยเซตให้อยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ 6 เลน ในระยะเวลา 20 นาที พร้อมเปิดเพลงประเภทหนึ่งไปด้วย และขับแบบขับเงียบ ๆ ไม่เปิดเพลง ผลปรากฏว่าคนขับรถจะเปลี่ยนเลนโดยเฉลี่ย 70 ครั้ง/ชั่วโมง แต่จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 140 ครั้ง/ชั่วโมง เมื่อเปิดเพลงร็อกที่มีจังหวะมัน ๆ แถมเพลงแนวนี้ยังทำให้คนขับรถเร็วขึ้นจากเดิมประมาณ 16 กิโลเมตร/ชั่วโมงอีกด้วย
สอดคล้องกับงานวิจัยโครงการมัลติมีเดียเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่พบว่า
“การขับขี่บนถนนแบบปกติต้องใช้พลังงานสมองมากถึง 85% เรียกได้ว่าสูงมากขาดอีก 15 % ก็จะครบขีดจำกัดการทำงานของสมองแล้ว นั่นจึงทำให้ขณะที่คุณกำลังขับรถไม่ควรจะทำอะไรเลย แม้กระทั่งการฟังเพลง เพราะเสียงเพลงอาจทำให้คุณหลุดโฟกัสจากการขับรถได้”
5 กิจกรรมที่ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
จริงอยู่ที่การฟังเพลงขณะขับรถนั้นอาจทำให้คุณหลุดโฟกัสกับการขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า นอกจากการฟังเพลงแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นอีกที่ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ งานนี้จะมีกิจกรรมอะไรบ้าง HSEM MOTOR หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!
1. “โทรศัพท์มือถือ” ปัจจัยหลักของการเกิดอุบัติเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ ตอบแชทลูกค้า หรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามแต่ขณะขับรถ HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่าสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก! เพราะพฤติกรรมดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 4 เท่า เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นปฏิกิริยาตอบสนองจะช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที
2. รับประทานอาหารบนรถ อิ่มท้องจริงแต่เสี่ยงเกิด “อุบัติเหตุ”
ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าการพกอาหารขึ้นมารับประทานบนรถยนต์คือคำตอบที่ดีที่สุดในการประหยัดเวลา แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าการทำแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะคุณต้องผละมือข้างหนึ่งมาหยิบจับอาหาร ใครที่ควบคุมพวงมาลัยได้ไม่ดี หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์กระชั้นชิดขึ้นอาจควบคุมทิศทางรถไม่ได้ จนเลยเถิดไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนได้
3. ให้เด็กนั่งตักขณะขับรถ อุบัติเหตุที่มีคุณเป็นจุดเริ่มต้น
สำหรับพ่อแม่บางท่านที่คิดว่าการให้ลูกนั่งตักขณะขับรถไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่า “ไม่จริง!” เพราะการมีเด็กมานั่งบนตักในขณะที่กำลังขับรถอยู่อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการขับรถของคุณลดลงได้ เนื่องจากเด็กอาจเล่นพวงมาลัยหรือเกียร์ ทำให้คนขับสูญเสียสมาธิในการควบคุมรถ จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเด็กที่นั่งบนตักจะได้รับแรงกระแทกมากกว่า อาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ ทางที่ดีควรให้เด็กนั่งบนคาร์ซีทจะปลอดภัยกับเด็กและตัวคุณมากกว่า
4. ดูโทรทัศน์ขณะขับรถไปด้วย เสี่ยงสมาธิหลุดจนเกิดอุบัติเหตุ
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า การขับรถนั้นใช้พลังงานสมองสูงถึง 80 % ดังนั้นการที่คุณผู้อ่านเปิดทีวีในรถเอาไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ดู แต่แสง สี เสียง ที่ได้รับจากโทรทัศน์ย่อมรบกวน และทำให้สมาธิในการขับรถของคุณลดลงอยู่ดี
5. แต่งหน้าขณะขับรถ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
“เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย” สำหรับคำกล่าวนี้ HSEM MOTOR อดเห็นด้วยไม่ได้จริง ๆ แต่คุณผู้อ่านรู้หรือไม่ว่าบางครั้ง ความสวยก็สามารถหยุดได้ถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ เพราะการแต่งหน้าขณะขับรถนั้น อาจทำให้คุณเสียสมาธิจนเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะการแต่งหน้าบนรถ จะทำให้ความสนใจของเราไปจดจ่ออยู่กับกระจกแทน จนอาจลืมไปว่ากำลังขับรถอยู่
อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า การขับรถยนต์นั้นใช้พลังงานสมองสูงถึง 80 % เมื่อคุณแบ่งพลังงานสมองไปทำกิจกรรมอื่นเพียงครู่เดียวก็อาจทำให้ปฏิกิริยาการตอบสนองของคุณช้าลงจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้!