ของมันต้องมี! ต้นตอสู่วิกฤติ หน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูง

ยังต้องจับตาอย่างต่อเนื่องกับวิกฤติไวรัสโคโรน่า โดยเช้าวันนี้ 29 มกราคม 2563 ทางการจีนได้ออกมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่มขึ้นจาก 106 ราย เป็น 132 ราย และติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 5,496 ราย เป็น 5,974 ราย นี่เป็นเพียงยอดผู้ป่วยจากประเทศจีนเท่านั้น ยังไม่รวมจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทย ไต้หวัน ฮ่องกง และประเทศอื่นอีก 15 ประเทศ

“ไวรัสโคโรน่า” สู่ปัญหา หน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูง!

จากข้อมูลข่าวหลายสำนักข่าวที่ลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน เช่น ย่านรัชดาภิเษก สยาม สีลม และอีกหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดอีกมากมายที่ชาวจีนนิยมไปเที่ยว กำลังประสบปัญหาหน้ากาก N95 หมดสต๊อก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งซื้อเหมาหน้ากากอนามัยแบบ N95 และหน้ากากแบบธรรมดากลับประเทศจำนวนมาก 

ส่วนในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และไต้หวัน ก็มีผู้ใช้งานโซเชียลบางส่วนออกมาให้ข้อมูล และพูดถึงหน้ากากอนามัยว่ามีการถูกซื้อไปเป็นจำนวนมาก หลายพื้นที่หน้ากากอนามัยเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยว

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าในประเทศไทยนอกจากวิกฤติไวรัสโคโรน่าแล้ว เราก็กำลังเผชิญกับปัญหามลภาวะอย่างฝุ่น PM2.5 ด้วย การที่หน้ากากอนามัยทั่วไปที่ป้องกันไวรัส และหน้ากากอนามัยประเภท N95 ที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ขาดตลาดอาจทำให้คนไทยประสบปัญหาหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูงได้ ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือมีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรและการใช้งาน

5 เรื่องต้องรู้ เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95

1. หน้ากากอนามัยแบบไหน ป้องไวรัสโคโรน่า

โดยหน้ากากที่เหมาะสำหรับป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่า มี 2 ประเภทดังนี้

  • หน้ากากอนามัย

มีส่วนช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสได้ค่อนข้างสูง สามารถใช้งานได้สะดวก ไม่อึดอัด และช่วยป้องกันอนุภาคขนาดใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่เข้าสู่ปากและจมูกของผู้สวมใส่ หากเป็นผู้ป่วยสวมใส่จะช่วยลดการพ่นน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะไปยังผู้อื่น

  • หน้ากากอนามัย N95 

เป็นหน้ากากที่ถูกออกแบบมาให้กรองอนุภาคที่อยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาสวมใส่แล้วจะแน่นกว่าหน้ากากกันเชื้อโรคทั่วไป ทำให้ผู้สวมใส่มีปัญหาหายใจลำบาก

2. ใครจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยที่สุด

จริงอยู่ที่ทุกคนควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อและติดเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น หน้ากากอนามัยไม่พอจำหน่ายขึ้นมา คุณผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าใครกันที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย สำหรับคำตอบของเรื่องนี้ก็คือ ผู้ป่วยควรสวมใส่หน้ากากอนามัยมากที่สุด เพราะในทางการแพทย์การที่ผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัยช่วยลดการแพร่เชื้อได้สูงถึง 90% ขณะที่คนทั่วไปสวมใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันเชื้อโรคเพียง 10% เท่านั้น  

3. หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ใส่ซ้ำใครว่าดี

สำหรับใครที่กำลังทำแบบนี้อยู่ เราขอบอกเลยว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์ เพราะการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่เคยสวมใส่แล้วซ้ำ ๆ ก็เหมือนการนำแหล่งเพาะเชื้อโรคมาคาดจมูกกับปากของคุณซ้ำไปซ้ำมา แทนที่จะช่วยป้องกันอาจกลายเป็นการเร่งให้คุณได้รับเชื้อโรคไวยิ่งกว่าเดิมได้ ทางที่ดีเมื่อคุณใช้งานเสร็จแล้ว ควรพับด้านที่แนบกับจมูกและปากเข้าหากัน แล้วจึงใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น นำไปทิ้งในถังขยะทั่วไป และล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากากอนามัย

4. ใส่หน้ากากถูกวิธี มั่นใจประสิทธิภาพการป้องกันได้

โดยขั้นตอนการใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี นอกจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยด้านที่มีลวดให้อยู่ข้างบนสันจมูก หันด้านที่มีสีเข้มออกด้านนอก และหันด้านที่มีรอยจีบคว่ำพับลงแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่ห้ามละเลยก็คือการล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่หน้ากากอนามัย เมื่อสวมใส่เรียบร้อยแล้วอย่าลืมกดแถบลวดขอบบนให้รับกับจมูกด้วยเพื่อที่อากาศภายนอกจะได้เข้ามาให้น้อยที่สุด

5. หน้ากาก N95 ผู้ป่วยใส่ดีกว่าแบบธรรมดา จริงเหรอ?

จริงอยู่ที่หน้ากากอนามัย N95 มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่อยู่ในอากาศได้สูง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการอึดอัด หายใจไม่ออกแทน หากคุณไม่ใช่ผู้ป่วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ป่วยแล้ว เราขอแนะนำให้สวมใส่เป็นหน้ากากอนามัยธรรมดาก็พอ เพื่อที่คุณจะได้หายใจได้ไม่ติดขัด ถึงอย่างไรประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคของหน้ากาก 2 ชนิดนี้ก็มีความสามารถไม่ด้อยกว่ากันอยู่แล้ว 

โดยศาสตราจารย์ โจนาธาน บอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุลของไวรัสจากมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม ระบุว่า “ในงานวิจัยที่มีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เป็นอย่างดีและมีขึ้นภายในโรงพยาบาล” พบหลักฐานบ่งชี้ว่า หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีพอ ๆ กับหน้ากากกรองอากาศ (respirator)

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในขณะนี้ยังค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากเช้าวันนี้ 28 มกราคม 2563 ทางการจีนได้ออกมาแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่มขึ้นจาก 80 เป็น 106 คน และติดเชื้อใหม่อีกเกือบ 1,300 คน รวมแล้วกว่า 4,171 คน ก็ต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่ากันต่อไปว่าจะมีวิธีรักษาอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/

https://thestandard.co/