สถานการณ์ยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง กับ ไวรัสโคโรน่า เมื่อสำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 21 ม.ค. 2563 ทางการประเทศจีนออกมายืนยันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ “ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019” ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 308 รายแล้ว โดยผู้ติดเชื้อบางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ถึง 15 คน นับว่าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าภายในเวลาเพียง 4 วัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็น 6 รายแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ทางการจีนคาดว่า ไวรัสชนิดนี้แพร่จากสัตว์สู่คนเป็นหลัก โดยเจ้าหน้าที่พบว่าที่มาของโรคอยู่ในตลาดปลาของเมืองอู่ฮั่น และสั่งปิดตลาดแห่งนี้ อย่างไรก็ตามภายหลังทางการจีนได้รับการยืนยันแล้วว่ามีผู้ป่วยอย่างน้อย 2 รายที่เป็นการติดต่อจากคนสู่คน โดยทั้งคู่อยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ได้รับเชื้อจากสมาชิกครอบครัวที่เพิ่งกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การแพทย์เองก็ติดเชื้อชนิดนี้ด้วยเช่นกัน
ทำความรู้จัก “ไวรัสโคโรน่า” เชื้อโรคสายพันธ์ใหม่
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาพูดถึงกรณีพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีนกว่า 50 รายว่า อาจเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่พัฒนามาจากเชื้อไวรัสอันตรายในตระกูลเชื้อโคโรน่าไวรัส ที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) หรือโรคซาร์ส และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) หรือโรคเมอร์ส ที่เคยเกิดการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้
โดย Arnaud Fontanet ผู้อำนวยการฝ่ายระบาดวิทยาแห่ง Paris’ Institut Paster ประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า เชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่ถือเป็นสายพันธุ์ที่ 7 ที่ระบาดสู่คน ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่จะมีไข้ ไอ หายใจลำบาก รวมถึงท้องเสีย โดยเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ค่อนข้างคล้ายกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) มากถึง 80% เลยก็ว่าได้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
จากข้อมูลล่าสุดในวันที่ 21 ม.ค. 2563 พบว่า ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสเพิ่มมากกว่า 220 คนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในมณฑลแถบตะวันออกของจีน ตั้งแต่ปักกิ่งไปจนถึงมณฑลกวางตุ้ง ส่วนในต่างประเทศที่ยืนยันพบผู้ป่วยแล้ว มีดังนี้
- 13 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในไทย
- 16 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในญี่ปุ่น
- 17 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนที่ 2 ในไทย
- 20 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในเกาหลีใต้
โดยทุกคนที่ติดเชื้อล้วนเป็นผู้ที่มีประวัติการเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) มีกำหนดประชุมฉุกเฉินในวันพุธที่ 22 ม.ค. นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์พร้อมเตรียมตัดสินว่าจะประกาศให้สถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่
เรื่องนี้ต้องรู้! มาตรการรับมือไวรัสโคโรน่า เชื้อร้ายที่คร่าชีวิตผู้คน
หลังจากที่เกิดการพบผู้ติดเชื้อ หน่วยงานสาธารณสุขก็สั่งปิดตลาดค้าส่งอาหารทะเลขนาดใหญ่ในเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อทำความสะอาดและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เนื่องจากผู้ติดเชื้อบางส่วนมีประวัติเชื่อมโยงกับตลาดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังคัดแยกคนในครอบครัวผู้ติดเชื้อไว้สังเกตอาการและเปิดให้ผู้มีอาการในกลุ่มเสี่ยงลงทะเบียนเพื่อเตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลตรุษจีนในสัปดาห์หน้า
ส่วนคนในประเทศอื่น ๆ ที่เริ่มพบผู้ติดเชื้อ แล้วยังไม่พบผู้ติดเชื้อ หากยังไม่มีอาการอะไรเบื้องต้นให้ดูแลรักษาสุขอนามัยตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น จะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์หรือซากสัตว์ หลีกเลี่ยงการไปตลาดสด
ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการทางทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล อีกทั้งเมื่อเดินทางกลับมาแล้วหากมีอาการผิดปกติภายใน 14 วัน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมา
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกประชุมวาระฉุกเฉินในวันพุธที่ 22 ม.ค.นี้ ที่นครเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพิจารณาว่า ควรประกาศให้การระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019 ครั้งนี้ เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก” หรือไม่
โดยที่ผ่านมา WHO ไม่ได้แนะนำให้มีการจำกัดการค้าหรือการเดินทาง แต่เรื่องนี้อาจเปลี่ยนแปลงหลังการประชุมในวันนี้ และนี่ก็คือข้อมูลข่าวสาร ประเด็นร้อนในสังคมที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ส่วนวิกฤติ “ไวรัสโคโรน่า” สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด!
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/
https://news.thaipbs.or.th